การกลับใจของเซาโลจนกลายเป็นนักบุญเปาโลนั้น
เป็นเรื่องที่เราถือว่าเป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าที่จะทรงใช้คนอย่างท่านมารับใช้พระองค์โดยแท้
ท่านเป็นฟาริสีที่เคร่งครัดต่อธรรมบัญญัติของชาวยิวโดยกำเนิด

 

ดังนั้นเรื่องราวของพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธ ที่ท่านได้ยินได้ฟังมาว่าเป็นพระผู้ไถ่ และทรงสอนคำสอนในธรรมบัญญัติให้สมบูรณ์ขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่ท่านไม่เชื่อ และต่อต้านอย่างยิ่ง แต่ท่านก็ไม่เคยพบกับพระเยซูเจ้า
และเริ่มออกกำจัดใครก็ตามที่เชื่อถือในองค์พระเยซูเจ้าด้วยความภักดีต่อธรรมบัญญัติ
และวิถีของชาวยิวที่มีในสถาบันศาสนา

 

การกลับใจของนักบุญเปาโลจึงมิใช่หมายความว่าท่านเป็นคนบาปหยาบช้า ทำผิดอะไรแล้วกลับกลายมาเป็นคนดี
แต่หมายความว่า ท่านยอมละทิ้งสิ่งที่ท่านรักเทิดทูนคิดว่าเป็นสิ่งสูงสุดนั่น คือ
 ธรรมบัญญัติ 
และกลับมาเลือกเอาองค์พระเยซูเจ้าเป็นอุดมการณ์สมบูรณ์สูงสุดกว่าในชีวิตแทน
โดยท่านเชื่อและประกาศแพร่ธรรมไปจนถึงทวีปยุโรปว่าพระเยซูเจ้านี่แหละ คือ พระบุตรของพระเป็นเจ้า
ผู้เชื่อในพระองค์ จะได้รับพระจิตเจ้า และได้รับความรอดในวันที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งในโลกนี้

หลังจากสังฆานุกรสเตเฟนถูกชาวยิวเอาก้อนหินทุ่มจนสิ้นชีวิตเป็นมรณสักขีแล้ว
ชาวยิวก็ก่อกระแสเบียดเบียนผู้เชื่อถึงพระเยซูเจ้ารุนแรงขึ้น (กจ 7 : 59 - 8 : 3)
เซาโลนำหมายจับจากทางการเดินขึ้นไปทางทิศเหนือยังเมืองดามัสกัส
เพราะคริสตชนที่นั่นก้าวหน้าขึ้นในความเชื่อเป็นจำนวนมาก แต่ระหว่างทางนั้นเอง
ท่านได้พบกับองค์พระเยซูเจ้าประจักษ์เป็นแสงสว่างจ้า จนท่านล้มลง และตาบอดมองอะไรไม่เห็น

 

 

.... ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเปลี่ยนเซาโลผู้เบียดเบียน
ให้เป็นนักบุญเปาโลผู้แพร่ธรรมยิ่งใหญ่ ของพระศาสนจักร 
ท่านได้เรียนคำสอนและเริ่มประกาศข่าวดีไปจนทั่วเอเชียน้อย 
เลยข้ามไปยังยุโรปในแคว้นมาสิโดเนีย อาคายา และกรุงโรม 
ขอพระองค์โปรดเปลี่ยนแปลงจิตใจอันแข็งกระด้างของลูก
ให้ละทิ้งความเข้าใจผิดที่หลงกอดเอาไว้ 
และกลับไปรับเอาความเชื่อมั่นในองค์พระเยซูเจ้า 
เช่นนักบุญเปาโลอุทิศชีวิตที่กลับใจแล้วของท่าน
ด้วยการประกาศข่าวดีสิ้นสุดชีวิต จิตใจด้วยเทอญ...

 

 

บทความจาก : อุดมศานต์ เดือนกรกฎาคม 2008
คอลัมน์ ขุมทรัพย์พระคัมภีร์ 2008